วันศุกร์ที่ 17 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

กระบี่/อัยการโต้กลับ

อัยการจังหวัด ประจำสำนักงานอัยการสูงสุด รับผิดชอบงานคุ้มครองสิทธิและช่วยเหลือทางกฎหมายจังหวัดกระบี่ ได้แถลงการณ์สวนกลับกรณีที่ทางสภาทนายความจังหวัดกระบี่ ท้ายินดีให้ตรวจสอบทุกข้อกล่าวว่า ยังตนคือนักกฎหมายที่รักษากฎหมาย ไม่ใช่เอากฎหมายมาทำกฎหมู่ เมื่อเวลา 14.00 น.วันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2555 ที่บริเวณศาลหลักเมืองจังหวัดกระบี่ นายตุลธีร์ อุไรรัตน์ อัยการจังหวัด ประจำสำนักงานอัยการสูงสุด รับผิดชอบงานคุ้มครองสิทธิและช่วยเหลือทางกฎหมายจังหวัดกระบี่ ได้แถลงการณ์โต้แย้งกรณีที่ทางสภาทนายความจังหวัดกระบี่ นำโดยนายประภาส โกวิทวัฒนา ประธานสภาทนายความจังหวัดกระบี่ พร้อมสมาชิกประมาณ 30 คน ได้เดินขบวนพร้อมแถลงการณ์ กล่าวหาว่าข้าพเจ้าว่ามีส่วนเกี่ยวข้องนำพานางสาวจุรีย์พร สงคง อายุ 35 ปี และพยานไปแจ้งความ นายโชติเชาว์ อินทรโชติ อาชีพทนายความ ข้อหาพยายามฆ่า นางสาวจุรีย์พร พร้อมกับจัดฉากตกแต่งเรื่องราว ปั้นพยานบุคคลอันเป็นเท็จ นั่งกำกับพยานให้การชั้นสอบสวนด้วยตนเอง และยังกล่าวหาข้าพเจ้าว่ามีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับนางสาวจุรีย์พร และยังกล่าวหาข้าพเจ้าด้วยว่าพยานของนางสาวจุรีย์พร เป็นคนดูแลสวนปาล์มน้ำมันให้ข้าพเจ้า ซึ่งทุกข้อกล่าวหาที่กล่าวมาข้างต้นล้วนแต่ไม่เป็นความจริงทั้งสิ้น เนื่องจากนางสาวจุรีย์พร มีสามีแล้ว ชื่อนายพิชัย สรรพา และข้าพเจ้าเองก็ไม่ได้มีสวนปาล์มน้ำมันแม้ไร่เดียว ส่วนกรณีที่กล่าวหาข้าพเจ้าว่ามีส่วนเกี่ยวข้องในคดีของนางสาวจรีย์พร ในการแจ้งความดำเนินคดีกับนายโชติเชาว์ ก็ไม่ได้เป็นความจริงเช่นเดียวกัน โดยในวันที่ทางนางสาวจุรีย์พร ไปแจ้งความนั้น ไปกับข้าพเจ้า พร้อมด้วยสามีของนางสาวจุรีย์พร จริง เนื่องจากเป็นเส้นทางที่ข้าพเจ้าใช้เป็นเส้นทางเดินทางกลับบ้านจังหวัดสงขลา จึงอาสาพาไปส่งที่ สภ.ลำทับ และได้มีการทักข้าราชการตำรวจบางนาย เนื่องจากรู้จักกัน และก็เดินทางกลับบ้าน ไม่ได้นั่งกำกับจัดฉาก ตกแต่งเรื่องราวแจ้งความนายโชติเชาว์ แต่อย่างใด และข้าพเจ้าก็ไม่เคยมีเรื่องบางหมางกันด้วย ฉะนั้น จากคำแถลงการณ์ของสภาทนายความจังหวัดกระบี่ จึงไม่มีมูลความจริงไดๆทั้งสิ้น เป็นเรื่องที่เสกสรร ปั้นแต่งขึ้นมา เพียงเพื่อใช้ข้าพเจ้าเป็นเครื่องมือ เพื่อต่อรองกับฝ่ายนางสาวจุรีย์พร เท่านั้น เป็นเหตุให้ข้าพเจ้าได้รับความเสียหาย ต้องเสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่น ถูกเกลียดชังอย่างร้ายแรง ซึ่งข้าพเจ้าได้ไปแจ้งความร้องทุกข์ดำเนินคดีกับผู้เกี่ยวข้องด้วยแล้ว ข้าพเจ้าได้ปฏิบัติหน้าที่ ที่สำนักงานอัยการจังหวัดกระบี่ ตั้งแต่ปี 2549 จนถึงปัจจุบัน ได้ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความสุจริต ผดุงความยุติธรรม และช่วยเหลือประชาชนผู้ได้รับความเดือดร้อนจากการกระทำอันไม่ชอบด้วยกฎหมาย โดยไม่มีเหตุให้เสื่อมเสียชื่อเสียงแต่อย่างใด และจากการที่ข้าพเจ้าให้ความช่วยเหลือทางกฎหมายแก่นางสาวจุรีย์พร ในการแนะนำให้แจ้งความดำเนินคดี กับผู้กระทำผิด นั้น จึงเป็นการกระทำไปตามขอบเขตอำนาจหน้าที่ ที่พึงกระทำได้ตามกฎหมาย อันเป็นการปฏิบัติการตามหน้าที่ที่ชอบด้วยกฎหมาย แม้การกระทำดังกล่าว จะเป็นเหตุให้ไปกระทบสิทธิของผู้อื่นในการที่จะตกเป็นผู้ถูกกล่าวหา ด้วยก็ตามก็เป็นเรื่องที่คู่กรณีทั้งสองฝ่าย ต้องไปกล่าวหากันเองตามกฎหมายต่อไป หาได้เกี่ยวข้องกับข้าพเจ้าด้วยไม่ ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ก่อนที่นายตุลธีร์ อุไรรัตน์ อัยการจังหวัด ประจำสำนักงานอัยการสูงสุด รับผิดชอบงานคุ้มครองสิทธิและช่วยเหลือทางกฎหมายจังหวัดกระบี่ จะแถลงการณ์กับผู้สื่อข่าว ก็ได้มีการกราบไหว้ศาลหลักเมืองจังหวัดกระบี่ ตั้งอยู่ฝั่งตรงข้ามกับสำนักงานอัยการจังหวัดกระบี่ และขณะที่แถลงการณ์ นางสาวจุรีย์พร ได้พาสามี และพยานที่ถูกอ้างถึง มายืนยันความบริสุทธิ์ ให้ด้วย

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น