วันศุกร์ที่ 17 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

ลูกที่ปรึกษาการไฟฟ้า ลวงเด็ก15ข่มขืนคืนวาเลนไทน์

Listen ลูกที่ปรึกษาการไฟฟ้า ลวงเด็ก15ข่มขืนคืนวาเลนไทน์ พ.ต.ท.จิรกฤต จารุนภัทร์ สว.สส.สน.ทองหล่อ พร้อมชุดสืบสวน ร่วมกันแถลงข่าวจับกุม นายกรชนก โชคนำกิจ อายุ 21 ปี อยู่บ้านเลขที่ 669/101 ซอยสุขุมวิท 101 แขวงบางจาก เขตพระโขนง กทม. ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญากรุงเทพใต้ เลขที่ จ.103/2555 ความผิดฐานพรากผู้เยาว์อายุต่ำกว่าสิบห้าปี และข่มขืน กระทำกระทำชำเรา อนาจารโดยใช้กำลังประทุษร้าย โดยจับกุมได้บริเวณหมู่บ้านมัณฑนา ถนนสุขาภิบาล 2 แขวงดอกไม้ เขตประเวศ กทม. พ.ต.ท.จารุนภัทร์ เผยว่า เมื่อวันที่ 15 ก.พ. ที่ผ่านมา ผู้ปกครองของ น.ส.ขวัญ (นามสมมติ) อายุ 15 ปี นักเรียนมัธยมต้นชื่อดังย่านทองหล่อ เข้าแจ้งความที่ฝ่าย สส.สน.ทองหล่อ ว่าได้รู้จักกับนายกรชนก ผ่านโทรศัพท์มือถือบีบี พูดคุยกันประมาณ 10 วัน จากนั้นวันวาเลนไทน์ จึงได้ออกอุบายให้เหยื่อมาที่โรงแรมอิศราพาเลซ ถนนรามคำแหง กทม. และพยายามข่มขืนแต่เหยื่อขัดขืน จึงทำได้ทำร้ายร่างกายก่อนข่มขืนสำเร็จ เมื่อวันที่ 14 ก.พ.ที่ผ่านมา จากการตรวจสอบพบว่าผู้ต้องหายังคุยกับเหยื่อรายอื่นด้วย โดยเน้นเด็กที่อายุยังไม่บรรลุนิติภาวะ ด้าน นายกรชนก กล่าวว่า พ่อเป็นที่ปรึกษา แผนกคอมพิวเตอร์การไฟฟ้า โดยยอมรับสารภาพว่าเป็นผู้ก่อเหตุจริงโดยได้คุยกับผู้เสียหายมาสักระยะจึงได้นัดเจอกันในวันวาเลนไทน์และก่อเหตุดังกล่าว และมีลูกชาย อายุ 2 ขวบ ที่เกิดกับภรรยาที่ตนเองเคยข่มขืนแต่รับผิดชอบ เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงนำตัวส่งพนักงานสอบสวนต่อไป Share

สงขลาเกิดลมพายุหมุนพัดบ้านเสียหายกว่า 40 หลัง

สงขลาเกิดลมพายุหมุนพัดบ้านเสียหายกว่า 40 หลัง เวลา 17.00 น. เกิดเหตุลมพายุหมุนพัดเอาหลังคาโครงเหล็กของคอนโดมิเนี่ยม ซอยไทย - จังโหลน 13 ตกใส่บนหลังคาบ้านชาวบ้านกระเบื้องหลังคาแตกกระจาย ได้รับความเสียหายกว่า 40 หลัง รถยนต์เสียหาย 2 คัน หลังคาโครงเหล็กอีกจำนวนหนึ่งได้ทับเสาไฟฟ้าหักโค่นทำให้ไฟฟ้าบริเวณ ซ.ไทย- จังโหลน 11 และซ.ไทย - จังโหลน 9 ดับใช้ไฟไม่ได้ นายจำลอง ไกรดิษฐ์ นายอำเภอสะเดา นางอมรรัตน์ ศรีสถิตวงศ์ รองนายกเทศมนตรีตำบลสำนักขาม ผกก.สภ.สะเดา และจนท.ปกครองอำเภอสะเดา พร้อมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ ทั้งนี้ได้ให้ชาวบ้านที่ได้รับความเดือดร้อนลงชื่อไว้เป็นหลักฐาน เพื่อรับเงินช่วยเหลือเบื้องต้นจากเทศบาลรายละ 2-5 หมื่นบาทในส่วนที่ได้รับความเสียหายมาก อย่างไรก็ตาม ความเสียหายในครั้งนี้ บอร์ดใหญ่ เคพีเค ได้ให้ผู้จัดการเข้าไปทำความเข้าใจกับนายอำเภอ และชาวบ้าน โดยยินดีออกค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซม และสั่งให้ช่างในพื้นที่ซ่อมแซมด่วนทันที เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนให้กับชาวบ้าน นางอมรรัตน์ ศรีสถิตวงศ์ รองนายกเทศมนตรีสำนักขาม กล่าวว่า ในส่วนของเทศบาลได้เตรียมงบช่วยเหลือฉุกเฉิน มาช่วยเหลือผู้ประสบภัยที่ถูกพายุพัดบ้านพังเสียหายไว้รายละ 2 - 5 หมื่นบาท ในส่วนของค่าเสียหายอื่นๆเจ้าของ คอนโดมิเนี่ยม ต้นเหตุต้องรับผิดชอบ

ทัวร์สายนครศรีฯคว่ำที่เมืองเพชรบาดเจ็บกว่า20ราย

ทัวร์สายนครศรีฯคว่ำที่เมืองเพชรบาดเจ็บกว่า20ราย พ.ต.ท.นิพนธ์ ชมบริสุทธิ์ พนักงานสอบสวนสภ.เมืองเพชรบุรี รับแจ้งมีอุบัติเหตุรถทัวร์ปรับอากาศพลิกคว่ำที่บริเวณทางต่างระดับทางเข้าเมืองเพชรบุรี ขาล่องใต้ มีผู้ได้รับบาดเจ็บเป็นจำนวนมาก จึงรุดไปตรวจสอบที่เกิดเหตุพร้อมด้วยรถพยาบาลและเจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยมูลนิธิสว่างสรรเพชญธรรมสถาน ในที่เกิดเหตุพบรถทัวร์ปรับอากาศสีฟ้าขาว กรุงเทพฯ - นครศรีธรรมราช ทะเบียน 14 - 0377 กรุงเทพมหานคร ซึ่งเป็นของบริษัทนครศรีร่มเย็นทัวร์ พลิกตะแคงอยู่บนฟุตบาท สภาพรถด้านหน้าพังยับเยิน มีผู้โดยสารได้รับบาดเจ็บเป็นจำนวนมาก เจ้าหน้าที่ต้องช่วยกันปฐมพยาบาลและลำเลียงผู้ได้รับบาดเจ็บส่งโรงพยาบาลพระจอมเกล้าฯ จ.เพชรบุรี จำนวน 20 รายและโรงพยาบาลเมืองเพชรธนบุรี อีกจำนวน 5 ราย สอบถามพนักงานต้อนรับบนรถทัวร์คันดังกล่าว เผยว่า ก่อนเกิดเหตุรถได้รับผู้โดยสารออกจากสถานีขนส่งสายใต้เมื่อเวลา 20.30 น. เพื่อมุ่งหน้าไปจังหวัดนครศรีธรรมราช เมื่อมาถึงที่เกิดได้มีฝนตกทำให้ถนนลื่น เมื่อถึงทางโค้ง ได้มีรถบรรทุกสิบล้อเบรกกะทันหัน ทำให้นายอลงกรณ์ ซึ่งเป็นคนขับรถทัวร์คันดังกล่าว เบรกในระยะกระชั้นชิด ทำให้รถเสียหลักปีนขอบฟุตบาทพลิกคว่ำ ทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บเป็นจำนวนมาก ส่วนนายอลงกรณ์คนขับรถทัวร์คันดังกล่าว ได้อาศัยช่วงชุลมุนหลบหนีไป เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจจะได้ติดตามตัวนายอลงกรณ์ คนขับรถทัวร์ มาสอบสวนเพื่อหาสาเหตุของการเกิดอุบัติเหตุในครั้งนี้ และได้แจ้งข้อหานายอลงกรณ์ ว่าขับรถโดยประมาททำให้มีผู้อื่นได้รับบาดเจ็บ

กลุ่มนิติราษฎร์บ้านโป่ง แจ้งความจับคนแจกใบปลิวต่อต้าน

กลุ่มนิติราษฎร์บ้านโป่ง แจ้งความจับคนแจกใบปลิวต่อต้าน หลังจากที่มีชาวบ้านในเขตอ.บ้านโป่ง จ.ราชบุรี ออกมาเดินขบวนพร้อมกับยื่นหนังสือกับนายสมบูรณ์ ศิริเวช นายอำเภอบ้านโป่ง ว่าขอให้ใช้อำนาจหยุดกลุ่มนิติราษฎร์ ไม่ให้เปิดเสวนาในหัวข้อ "วิพากษ์นิติราษฎร์ 4 ประเด็นร้อนจริงหรือเท็จ" ซึ่งจะจัดขึ้นในวันพรุ่งนี้(18 ก.พ.) ภายในโรงแรมไทยนำโฮเต็ล อ.บ้านโป่ง พร้อมทั้งแจกใบปลิวเชิญชวนให้ประชาชนมาร่วมต่อต้านกลุ่มนิติราษฎร์ เมื่อช่วงเย็นที่ผ่านมา ต่อมา นายบริบูรณ์ เกียงวรางกูร แกนนำกลุ่มนิติราษฎร์ที่จะมาจัดเสวนาในวันพรุ่งนี้พร้อมกับสมาชิกกลุ่มนิติราษฎร์กว่า 20 คน ได้เดินทางเข้าแจ้งความกับ พ.ต.ท.นที จันทร์จิรานุวัฒน์ พนักงานสอบสวนสภ.บ้านโป่ง ให้ดำเนินคดีกับผู้ที่เดินแจกใบปลิว ที่มีข้อความหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ โดยการแอบอ้างคำพูดมาพิมพ์ลงในใบปลิวแจกจ่ายให้กับประชาชน ซึ่งอาจจะทำให้ประชาชนนั้นเกิดความสับสน พ.ต.ท.นที จันทร์จิรานุวัฒน์ พนักงานสอบสวนสภ.บ้านโป่ง ก็กล่าวว่า ในเบื้องต้นนั้นก็จะรับแจ้งความและรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อออกหมายเรียกมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

กระบี่/อัยการโต้กลับ

อัยการจังหวัด ประจำสำนักงานอัยการสูงสุด รับผิดชอบงานคุ้มครองสิทธิและช่วยเหลือทางกฎหมายจังหวัดกระบี่ ได้แถลงการณ์สวนกลับกรณีที่ทางสภาทนายความจังหวัดกระบี่ ท้ายินดีให้ตรวจสอบทุกข้อกล่าวว่า ยังตนคือนักกฎหมายที่รักษากฎหมาย ไม่ใช่เอากฎหมายมาทำกฎหมู่ เมื่อเวลา 14.00 น.วันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2555 ที่บริเวณศาลหลักเมืองจังหวัดกระบี่ นายตุลธีร์ อุไรรัตน์ อัยการจังหวัด ประจำสำนักงานอัยการสูงสุด รับผิดชอบงานคุ้มครองสิทธิและช่วยเหลือทางกฎหมายจังหวัดกระบี่ ได้แถลงการณ์โต้แย้งกรณีที่ทางสภาทนายความจังหวัดกระบี่ นำโดยนายประภาส โกวิทวัฒนา ประธานสภาทนายความจังหวัดกระบี่ พร้อมสมาชิกประมาณ 30 คน ได้เดินขบวนพร้อมแถลงการณ์ กล่าวหาว่าข้าพเจ้าว่ามีส่วนเกี่ยวข้องนำพานางสาวจุรีย์พร สงคง อายุ 35 ปี และพยานไปแจ้งความ นายโชติเชาว์ อินทรโชติ อาชีพทนายความ ข้อหาพยายามฆ่า นางสาวจุรีย์พร พร้อมกับจัดฉากตกแต่งเรื่องราว ปั้นพยานบุคคลอันเป็นเท็จ นั่งกำกับพยานให้การชั้นสอบสวนด้วยตนเอง และยังกล่าวหาข้าพเจ้าว่ามีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับนางสาวจุรีย์พร และยังกล่าวหาข้าพเจ้าด้วยว่าพยานของนางสาวจุรีย์พร เป็นคนดูแลสวนปาล์มน้ำมันให้ข้าพเจ้า ซึ่งทุกข้อกล่าวหาที่กล่าวมาข้างต้นล้วนแต่ไม่เป็นความจริงทั้งสิ้น เนื่องจากนางสาวจุรีย์พร มีสามีแล้ว ชื่อนายพิชัย สรรพา และข้าพเจ้าเองก็ไม่ได้มีสวนปาล์มน้ำมันแม้ไร่เดียว ส่วนกรณีที่กล่าวหาข้าพเจ้าว่ามีส่วนเกี่ยวข้องในคดีของนางสาวจรีย์พร ในการแจ้งความดำเนินคดีกับนายโชติเชาว์ ก็ไม่ได้เป็นความจริงเช่นเดียวกัน โดยในวันที่ทางนางสาวจุรีย์พร ไปแจ้งความนั้น ไปกับข้าพเจ้า พร้อมด้วยสามีของนางสาวจุรีย์พร จริง เนื่องจากเป็นเส้นทางที่ข้าพเจ้าใช้เป็นเส้นทางเดินทางกลับบ้านจังหวัดสงขลา จึงอาสาพาไปส่งที่ สภ.ลำทับ และได้มีการทักข้าราชการตำรวจบางนาย เนื่องจากรู้จักกัน และก็เดินทางกลับบ้าน ไม่ได้นั่งกำกับจัดฉาก ตกแต่งเรื่องราวแจ้งความนายโชติเชาว์ แต่อย่างใด และข้าพเจ้าก็ไม่เคยมีเรื่องบางหมางกันด้วย ฉะนั้น จากคำแถลงการณ์ของสภาทนายความจังหวัดกระบี่ จึงไม่มีมูลความจริงไดๆทั้งสิ้น เป็นเรื่องที่เสกสรร ปั้นแต่งขึ้นมา เพียงเพื่อใช้ข้าพเจ้าเป็นเครื่องมือ เพื่อต่อรองกับฝ่ายนางสาวจุรีย์พร เท่านั้น เป็นเหตุให้ข้าพเจ้าได้รับความเสียหาย ต้องเสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่น ถูกเกลียดชังอย่างร้ายแรง ซึ่งข้าพเจ้าได้ไปแจ้งความร้องทุกข์ดำเนินคดีกับผู้เกี่ยวข้องด้วยแล้ว ข้าพเจ้าได้ปฏิบัติหน้าที่ ที่สำนักงานอัยการจังหวัดกระบี่ ตั้งแต่ปี 2549 จนถึงปัจจุบัน ได้ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความสุจริต ผดุงความยุติธรรม และช่วยเหลือประชาชนผู้ได้รับความเดือดร้อนจากการกระทำอันไม่ชอบด้วยกฎหมาย โดยไม่มีเหตุให้เสื่อมเสียชื่อเสียงแต่อย่างใด และจากการที่ข้าพเจ้าให้ความช่วยเหลือทางกฎหมายแก่นางสาวจุรีย์พร ในการแนะนำให้แจ้งความดำเนินคดี กับผู้กระทำผิด นั้น จึงเป็นการกระทำไปตามขอบเขตอำนาจหน้าที่ ที่พึงกระทำได้ตามกฎหมาย อันเป็นการปฏิบัติการตามหน้าที่ที่ชอบด้วยกฎหมาย แม้การกระทำดังกล่าว จะเป็นเหตุให้ไปกระทบสิทธิของผู้อื่นในการที่จะตกเป็นผู้ถูกกล่าวหา ด้วยก็ตามก็เป็นเรื่องที่คู่กรณีทั้งสองฝ่าย ต้องไปกล่าวหากันเองตามกฎหมายต่อไป หาได้เกี่ยวข้องกับข้าพเจ้าด้วยไม่ ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ก่อนที่นายตุลธีร์ อุไรรัตน์ อัยการจังหวัด ประจำสำนักงานอัยการสูงสุด รับผิดชอบงานคุ้มครองสิทธิและช่วยเหลือทางกฎหมายจังหวัดกระบี่ จะแถลงการณ์กับผู้สื่อข่าว ก็ได้มีการกราบไหว้ศาลหลักเมืองจังหวัดกระบี่ ตั้งอยู่ฝั่งตรงข้ามกับสำนักงานอัยการจังหวัดกระบี่ และขณะที่แถลงการณ์ นางสาวจุรีย์พร ได้พาสามี และพยานที่ถูกอ้างถึง มายืนยันความบริสุทธิ์ ให้ด้วย

ของดีเมืองอำนาจเจริญ

ของดีเมืองอำนาจเจริญ/ทีวีเนชัน นายสุพัฒน์ -นางเบ็ญ สนธิธรรม สองสามีภรรยา ชาวบ้านโสกใหญ่ ต.ลือ อ.ปทุมราชวงศา จ.อำนาจเจริญ นำผักสดประกอบด้วย ผักคะน้า ผัดบุ้ง ผักสลัดออกขายในงานวันรณรงค์ถ่ายทอดเทคโนโลยีการเกษตรที่สำนักงานเกษตรจังหวัดอำนาจเจริญจัดขึ้นที่บ้านหนองลุมพุก ต.ลือ ที่น่าสนใจคือผักสลัด จากเดิมในพื้นที่จังหวัดอำนาจเจริญ ไม่สามารถปลูกผักสลัดสีม่วงได้ แต่สองสามีภรรยาคู่นี้ได้นำเมล็ดพันธุ์สลัดสีม่วงมาทดลองปลูก รายแรก ปรากฎว่า เจริญงอกงามได้ดี สามารถปลูกนำออกขายได้แล้ว โดยนางเบ็ญ สนธิธรรม ชาวสวนอีสาน กล่าวว่า ผักสลัดสีม่วงจากเดิมมีขายตามห้างใหญ่ในเมือง ต่อจากนี้ไปจะมีขายตามชนบท ผักสลัดผักบุ้งปลูกง่ายด้วยการใช้ปุ๋ยพื้นบ้าน ไม่ใส่สารเคมี ครอบครัวทำสวนผักเนื้อที่ 2 ไร่ ปลูกผักหลายชนิดควบคู่กันไป ผักสลัดเขียวกรอบขายดีคู่กับผักสลัดสีม่วงเป็นความสำเร็จครั้งแรกของเกษตรกรอีสานอำนาจเจริญที่ปลูกสลัดสีม่วงได้ ---สัมภาษณ์ภาษาอีสานด้วยครับ----//สุชาติ สูงเรือง รายงาน

ฝรั่งหัวใจไทยที่ขับรถมอเตอร์ไซค์พ่วงตระเวณไปตามจังหวัดต่างๆ เพื่อรถรงค์ให้คนไทยทิ้งขยะให้ถูกที่ และลดการใช้ถุงพลาสติกเพื่อลดภาวะโลกร้อนเดินทางมาถึงจังหวัดกำแพงเพชรแล้ว

ฝรั่งหัวใจไทยที่ขับรถมอเตอร์ไซค์พ่วงตระเวณไปตามจังหวัดต่างๆ เพื่อรถรงค์ให้คนไทยทิ้งขยะให้ถูกที่ และลดการใช้ถุงพลาสติกเพื่อลดภาวะโลกร้อนเดินทางมาถึงจังหวัดกำแพงเพชรแล้ว หลังจากเมื่อต้นเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา นายแพทริก เคิร์ก กิลล็อก ชาวอเมริกัน ที่มาตั้งรกรากอยุ่ที่จังหวัดหนองคาย และเป็นผู้ก่อตั้งนิธิอิสระ ที่จัดตั้งขึ้น มากว่า 8 ปี ในจังหวัดหนองคาย ได้ขับรถมอเตอร์ไซค์คู่ใจ ซึ่งต่อรถพ่วงทำเป็นคอกสูง พร้อมประชาสัมพันธ์รณรงค์ให้คนไทยคิดก่อนทิ้ง และการทิ้งขยะให้ถูกที่ พร้อมทั้งเดินทางไปยังโรงเรียนต่างๆ ในจังหวัดที่เดินทางผ่าน เพื่อขอความร่วมมือจากนักเรียนให้ช่วยกันรณรงค์รักสิ่งแวดล้อมด้วย โดยออกเดินทางจากจังหวัดหนองคาย เมื่อต้นเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา และไปตามเส้นทางรูปหัวใจผ่านจังหวัดต่างๆแล้วกว่า 20 จังหวัด ได้แก่ หนองคาย-บึงกาฬ-นครพนม-มุกดาหาร-อำนาจเจริญ-ศรีสะเกษ-สุรินทร์-บุรีรัมย์ นครราชสีมา ปราจีนบุรี สมุทปราการ กรุงเทพมหานคร พระนครศรีอยุธยา สุพรรบุรี อ่างทอง สิงบุรี อุทัยธานี นครสวรรค์ โดยเมื่อค่ำวานนี้ นายแพทริก เคิร์ก ได้เดินทางมาถึงยังจังหวัดกำแพงเพชร และเข้าพักที่บ้านพ่อการ์เดนท์เฮาส์ รีสอร์ทในตำบลนครชุม และในช่วงเช้าที่ผ่านมา ก็ได้ออกจาที่พักแล้วทำการเก็บขยะที่ถูกทิ้งเรี่ยรากตามข้าถนน ลงถังขยะ โดยนายแพทริก เคิร์ก กล่าวว่า ได้ตั้งเป้ารณรงค์ ใน 30 จังหวัดตามเส้นทางรูปหัวใจ รวมระยะทาง 3,000 กิโลเมตร เพื่อสร้างจิตสำนึกให้กับคนไทยในการทิ้งขยะให้ถูกที่ และช่วยลดภาวะโลกร้อน เนื่องจากเห็นว่าประเทศไทยมีขยะที่เป็นถุงพลาสติกจำนวนมาก ทั้งในเมืองและชนบท ดังนั้นด้วยความชื่นชอบและรักเมืองไทย และอยากให้เมือไทยดูงดงามสะอาดตา จึงได้ออกเดินทางรณรงค์ให้คนไทยคิดก่อนทิ้ง ช่วยกันรักษาสิ่งแวดล้อม โดยการทิ้งขยะให้ถูกที่นั่นคือการทิ้งลงถังขยะ ซึ่งว่า แรงบันดานใจที่ทำให้ตนนั้นต้องตะเวนเก็บขยะที่มีอยู่ตามสิ่งแวดล้อมเมืองไทยนั้น เพราะเมื่อตนมาเห็นสิ่งแวดล้อมเมืองไทยแล้ว ตนก็รู้สึกว่าเป็นสิ่งที่สวยงามมาก บางที่มีท้องทุ่งแสนสวย แต่กลับต้องมาหม่อนหมองเพราะมีขยะตกล่อนตามพื้นเต็มไปหมด ตนจึงตั้งใจว่าจะขอเป็นอีกหนึ่งคน ที่จะเปลี่ยนค่านิยมคนไทยที่ชอบทิ้งขยะลงพื้น หรือตามข้างถนนให้หันมาทิ้งให้ลงถังกัน โดยหลังจากอยู่ที่จังหวัดกำแพงเพชร 1 วันแล้วนายแพทริก เคิร์ก ก็จะเดินทางต่อไปยังจังหวัดตาก และจังหวัดอื่นๆ ตามเส้นทางรูปหัวใจที่ตั้งเปาหมายไว้ โดยเส้นทางจะไปสิ้นสุด ณ จุดเริ่มต้นคือ จังหวัดหนองคายนั่นเอง

จับฟอร์จูนเนอร์ ถอดเบาะขนไม้พยุง ติดสติ๊กเกอร์ข่าวหวังตบตา จนท.สุดท้ายจนมุมริมน้ำโขงพร้อมไม้ของกลาง 9 ท่อน

จับฟอร์จูนเนอร์ ถอดเบาะขนไม้พยุง ติดสติ๊กเกอร์ข่าวหวังตบตา จนท.สุดท้ายจนมุมริมน้ำโขงพร้อมไม้ของกลาง 9 ท่อน ตำรวจธาตุพนม จับนายพุธ คำป้อง ชาว ธาตุพนม ผู้ร่วมขบวนการค้าไม้พยุงข้ามชาติ ได้ขณะกำลังลำเลียงไม้ส่งข้ามโขง ได้ของกลางไม้พยุง หน้าใหญ่กว้าง 40 เซนติเมตร หนา 10 เซนติเมตร ยาวสองเมตร จำนวน 9 แผ่น พร้อมรถยนต์ฟอร์จูนเนอร์ที่ใช้บรรทุกไม้มา และเรือกีบพร้อมเครื่องเรือหางยาวอีก 1 ลำ ขณะที่กำลังช่วยกันขนไม้ลงเรือ จากการสืบทราบของเจ้าหน้าที่ว่าจะมีการส่งไม้พยุงข้ามโขงกันที่บริเวณท้ายเขื่อนกั้นตลิ่งหมู่ 11 ต.ธาตุพนม อ.ธาตุพนม จ.นครพนม จึงสนธิกำลังวางแผนจับกุม จนกระทั่งเวลาประมาณ 22.00 น. คืนวันที่ 22 กันยายน ก็พบเรือกีบวิ่งมาจากฝั่งลาว และเข้าเทียบท่าน้ำจุดเกิดเหตุ หลังจากนั้นก็พบรถยนต์ยี่ห้อโตโยต้ารุ่นฟอร์จูนเนอร์ หมายเลขทะเบียน กค. 2194 สกลนคร แล่นเข้าไปยังท่าน้ำ หลังจากนั้นก็มีชายฉกรรจ์ จำนวน 5ถึง 6 คนช่วยกันขนไม้ลงจากรถคันดังกล่าวลงเรือที่เตรียมไว้ เจ้าหน้าที่จึงแสดงตนเข้าจับกุม ทั้งหมดเมื่อเห็นเจ้าหน้าที่ต่างพากันวิ่งหนี คงจับได้เพียงคนเดียวคือนาย พุธ คำป้อง อยู่บ้านเลขที่ 97 หมู่ 11 ต.ธาตุพนม อ.ธาตุพนม จ.นครพนม รับสารภาพว่ามารับจ้างขนไม้ทั้งหมดลงเรือ และหลังตรวจสอบที่เกิดเหตุพบไม้ขนลงเรือไว้แล้ว 3 แผ่น ส่วนอีก 6 แผ่นยังอยู่บนรถคันดังกล่าว รวมปริมาตรไม้ทั้งหมด 0.58 ลูกบาศก์เมตร จึงยึดของกลางทั้งหมดส่ง สภ. ธาตุพนมเพื่อดำเนินคดีต่อไป เจ้าหน้าที่ได้ตรวจสอบทะเบียนรถคันดังกล่าวทราบว่าผู้ครอบครองรถคือนายจักรกฤษ เกิดนาน้อย ตามเอกสารที่ได้จกทะเบียนไว้ แต่เมื่อเจ้าหน้าที่ติดต่อไปหานายจักรกฤษ ได้ให้การว่าตนเองขายรถคันดังกล่าวโดยการขายแบบโอนลอยให้แก่นายชัชวาล มีระหงส์ ไปแล้ว ซึ่งจากการตรวจสอบอย่างละเอียด พบว่ารถยนต์คันดังกล่าว ได้ติดสติ๊กเกอร์ ข่าว ของสมาคมนักวิทยุและโทรทัศน์แห่งประเทศไทยที่บริเวณกระจกหน้ารถเพื่อให้เจ้าหน้าที่ตามรายทางที่ขนไม้มาอำนวยความสะดวก โดยเจ้าหน้าที่จะได้สืบสวนติดตามผู้ร่วมขบวนการเหล่านี้มาดำเนินคดีต่อไป

ค้าไม้หวงห้าม ทำกันไม่เกรงกฎหมายจับไม้พยุง200ท่อนขณะลำเลียงขึ้นเรือข้ามฟากไปรัฐกลันตัน พ.ต.ท.ปราโมทย์ แก้วขาว สารวัตรสืบสวนสอบสวน สภ.สุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส ,ด.ต.พิเชษฐ์ เพชรเรือนทอง หัวหน้าสายตรวจ กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และเจ้าหน้าที่หน่วยป่าไม้ อ.สุไหงปาดี ได้ร่วมนำกำลังบุกเข้าจับกุมการลักลอบจำหน่ายไม้พยุง จำนวนกว่า 200 ท่อน บริเวณริมแม่น้ำโก-ลก ม.3 ต.ปาเสมัส อ.สุไหงโก-ลก ขณะที่กลุ่มชายฉกรรจ์ จำนวน 10 คน กำลังลำเลียงไม้พยุงขึ้นเรือเพื่อข้ามฟากไปยังรัฐกลันตัน ประเทศมาเลเซีย แต่ผู้ต้องหาสามารถหลบหนีการจับกุมของเจ้าหน้าที่ไปได้ เจ้าหน้าที่จึงตรวจยึดรถสิบล้อยี่ห้อฮีโน่ สีขาว ทะเบียน 86-6841 นครราชสีมา ที่มีการอำพรางไว้ด้วยกระสอบข้าวสารตั้งปิดทับไว้ด้านบนของท่อนไม่พยุง และจากการตรวจค้นภายในรถเจ้าหน้าที่ยังพบป้ายทะเบียนปลอมอีก จำนวน 8 แผ่น รวมทั้งพาสปอร์ต สำเนาทะเบียนบ้าน และหลักฐานการครอบครองรถที่ระบุชื่อนายบุญเชิด โขงจันทึก อายุ 44 ปี อยู่บ้านเลขที่52/2 ม.10 ต.บ้านเก่า อ.ด่านขุนทด จ.นครราชสีมา ซึ่งเจ้าหน้าที่จะทำการติดตามตัวบุคคลดังกล่าวมาสืบสวนสอบสวนเพื่อขยายผลการจับกุมต่อไป พ.ต.ท.ปราโมทย์ แก้วขาว สว.สืบสวนสอบสวน สภ.สุไหงโก-ลก เปิดเผยว่า ไม้พยุงที่จับได้ในครั้งนี้ คาดว่าน่าจะนำมาจากทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือของไทย เพื่อส่งออกไปทางประเทศมาเลเซีย และส่งต่ออีกทอดหนึ่งไปยังประเทศจีน ซึ่งมีความต้องการไม้พยุงเป็นจำนวนมาก โดยจะมีการซื้อขายเป็นกิโลกรัมเฉลี่ยประมาณกิโลกรัมละ 7,000 บาท และเมื่อผ่านไปยังประเทศจีนจะมีมูลค่าทั้งสิ้นประมาณกว่า 30 ล้านบาท Share

จับไม้พยุง200ท่อนขณะลำเลียงขึ้นเรือข้ามฟากไปรัฐกลันตัน พ.ต.ท.ปราโมทย์ แก้วขาว สารวัตรสืบสวนสอบสวน สภ.สุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส ,ด.ต.พิเชษฐ์ เพชรเรือนทอง หัวหน้าสายตรวจ กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และเจ้าหน้าที่หน่วยป่าไม้ อ.สุไหงปาดี ได้ร่วมนำกำลังบุกเข้าจับกุมการลักลอบจำหน่ายไม้พยุง จำนวนกว่า 200 ท่อน บริเวณริมแม่น้ำโก-ลก ม.3 ต.ปาเสมัส อ.สุไหงโก-ลก ขณะที่กลุ่มชายฉกรรจ์ จำนวน 10 คน กำลังลำเลียงไม้พยุงขึ้นเรือเพื่อข้ามฟากไปยังรัฐกลันตัน ประเทศมาเลเซีย แต่ผู้ต้องหาสามารถหลบหนีการจับกุมของเจ้าหน้าที่ไปได้ เจ้าหน้าที่จึงตรวจยึดรถสิบล้อยี่ห้อฮีโน่ สีขาว ทะเบียน 86-6841 นครราชสีมา ที่มีการอำพรางไว้ด้วยกระสอบข้าวสารตั้งปิดทับไว้ด้านบนของท่อนไม่พยุง และจากการตรวจค้นภายในรถเจ้าหน้าที่ยังพบป้ายทะเบียนปลอมอีก จำนวน 8 แผ่น รวมทั้งพาสปอร์ต สำเนาทะเบียนบ้าน และหลักฐานการครอบครองรถที่ระบุชื่อนายบุญเชิด โขงจันทึก อายุ 44 ปี อยู่บ้านเลขที่52/2 ม.10 ต.บ้านเก่า อ.ด่านขุนทด จ.นครราชสีมา ซึ่งเจ้าหน้าที่จะทำการติดตามตัวบุคคลดังกล่าวมาสืบสวนสอบสวนเพื่อขยายผลการจับกุมต่อไป พ.ต.ท.ปราโมทย์ แก้วขาว สว.สืบสวนสอบสวน สภ.สุไหงโก-ลก เปิดเผยว่า ไม้พยุงที่จับได้ในครั้งนี้ คาดว่าน่าจะนำมาจากทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือของไทย เพื่อส่งออกไปทางประเทศมาเลเซีย และส่งต่ออีกทอดหนึ่งไปยังประเทศจีน ซึ่งมีความต้องการไม้พยุงเป็นจำนวนมาก โดยจะมีการซื้อขายเป็นกิโลกรัมเฉลี่ยประมาณกิโลกรัมละ 7,000 บาท และเมื่อผ่านไปยังประเทศจีนจะมีมูลค่าทั้งสิ้นประมาณกว่า 30 ล้านบาท Share